ลิเวอร์พูลเปิดสนามแอนฟิลด์ ไล่ถล่มเอาชนะเชลซี 4-1 ล้างตาจากนัดชิงเอฟเอ คัพได้สำเร็จแต่ความรู้สึกต่างกันเยอะ
ประตู 1-0 จากจังหวะที่ หลุยส์ ซัวเรซโชว์ทักษะการเลี้ยงบอลตั้งแต่ริมเส้นฝั่งขวา โดยเลี้ยงเลาะมาเรื่อยๆผ่าน ไรอัน เบอร์ทรานด์ ก่อนจะเลี้ยงตัดเข้ามาในกรอบเขตโทษ ไม่มีกองหลังเชลซีคนไหนตัดเกมส์ทำฟาวล์เลยจังหวะสุดท้าย หลุยส์ ซัวเรซตั้งใจจะหักบอลเข้ากลางให้เพื่อน บอลผ่านตัว รอสส์ เทิร์นบูลล์ไปแล้วแต่ยังไปโดนขา มิกาเอล เอสเซียง เข้าประตูตัวเองไป นาทีที่ 19
ประตู 2-0 จากจังหวะสวนกลับเร็วของลิเวอร์พูลตั้งแต่จังหวะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สันส่งบอลให้ แอนดี้ แคร์โรลล์ในแดนตัวเอง แล้วแคร์โรลล์ก็ส่งต่อให้มักซี่ โรดริเกซบริเวณกลางสนามก่อนที่จะจ่ายบอลเข้ากลางเหมือนจะไม่ดีบอลห่างตัว จอร์แดน เฮนเดอร์สันแต่เป็น จอห์น เทอรี่เองที่จะมาดักทางบอล แต่ดันลื่นล้มไปเองทำให้ เฮนเดอร์สันได้พาบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงหนีมือรอสส์ เทิร์นบูลล์ บอลเสียบเสาไกลแบบคมกริบ เป็นประตู นำห่าง 2-0 นาทีที่ 25
ประตู 3-0 จากจังหวะเตะมุมทางฝั่งซ้ายของ จอนโจ เชลวี่ย์ บอลพุ่งลอยข้ามมาเกือบเสาไกลเป็น แอนดี้ แคร์โรลล์ ที่ได้กระโดดโหม่งชงกลับมาเข้ากลางให้ แดเนียล แอ็กเกอร์ได้โขกเต็มๆบอลเสยคานเข้าประตูไปนาทีที่ 28
นาทีที่ 45+2 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บท้ายเกมส์ลิเวอร์พูลเกือบได้ประตูที่ 4 จากจังหวะที่ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ไปตั้งใจดักศอกใส่ แอนดี้ แคร์โรลล์ล้มลงในเขตโทษผู้ตัดสินเห็นเหตุการชัดเจน เป่าให้เป็นจุดโทษทันทีและแต่ยังปรานีแจกแค่ใบเหลืองให้ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช แต่จุดโทษเป็น สจ๊วร์ต ดาวนิ่งที่รับหน้าที่สังหารจุดโทษไม่เข้าโดยยิงไปชนโคนเสาเด้งออกมา อดทำประตูนำห่าง
จบครึ่งแรกสกอร์เป็น ลิเวอร์พูล 3-0 เชลซี จนแฟนบอลในสนามไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าทีมรักของตนจะทำได้ถึงขนาดนี้ แต่ถ้าดูจากสถิติที่ลิเวอร์พูลครองบอลได้มากกว่า และเชลซีเกมส์ในครึ่งแรกยิงไม่เข้ากรอบเลยสักครั้งก็พอเป็นไปได้
เริ่มครึ่งหลังลิเวอร์พูลบุกจากซ้ายไปขวาของจอภาพ โดยเริ่มต้นเกมส์มาเชลซี ยังทำเกมส์ได้ไม่เหนือกว่าเจ้าบ้านลิเวอร์พูลมากนักแต่มาได้ประตูตีไข่แตกอย่างรวดเร็วจาก รามิเรส กองกลางตัวเก่งเชื้อชาติบราซิล
ประตู 3-1 จากจังหวะฟรีคิกทางฝั่งขวาของเชลซี เป็นฟลอร็องต์ มาลูด้าที่เปิดบอลเข้ามาตรงจุดนัดพบให้ รามิเรสที่วิ่งสอดขึ้นมาเอาตัวชนบอล แล้วบอลยังไปโดนโฆเซ่ เรน่าเข้าประตูไปนาทีที่ 50
ประตู 4-1 จากจังหวะที่ รอสส์ เทิร์นบูลล์เตะบอลออกข้างมาทางซ้ายให้จอห์น เทอรี่ แต่มีนักเตะลิเวอร์พูลอยู่ไม่ไกลบริเวณนั้น จอห์น เทอรี่เลยส่งคืนให้ รอสส์ เทิร์นบูลล์เตะขึ้นหน้าไปแต่เตะเบาและไม่โด่งบอลมาเข้าทาง จอนโจ เชลวี่ย์ตรงกลางสนามระยะประมาณ 30 หลา ได้จังหวะส่องไกลทันทีบอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม นาทีที่ 61
ช่วงท้ายเกมส์ทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาที แต่ทั้งคู่ยังทำอะไรเพิ่มไม่ได้จนจบเกมส์ ทีมลิเวอร์พูลเปิดสนามแอนฟิลด์ เอาชนะสิงโตน้ำเงินด้วยสกอร์ ลิเวอร์พูล 4-1 เชลซี
ประตู 1-0 จากการทำเข้าประตูตัวเองของ มิกาเอล เอสเซียง นาทีที่ 19
ใบเหลือง ของ เปาโล แฟร์เรยร่า นาทีที่ 15
ใบเหลือง ของ จอห์น เทอรี่ นาทีที่ 22
ประตู 2-0 จาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน นาทีที่ 25
ประตู 3-0 จาก แดเนียล แอ็กเกอร์ นาทีที่ 28
ใบเหลือง ของ มิกาเอล เอสเซียง นาทีที่ 44
ใบเหลือง ของ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช นาทีที่ 45+2
ประตู 3-1 จาก รามิเรส นาทีที่ 50
ประตู 4-1 จาก จอนโจ เชลวี่ย์ นาทีที่ 61
ใบเหลือง ของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน นาทีที่ 65
ใบเหลือง ของ แดเนียล แอ็กเกอร์ นาทีที่ 71
รายชื่อนักเตะ ลิเวอร์พูล 4-1 เชลซี
Match Stats Liverpool 4-1 Chelsea (ลิเวอร์พูล 4-1 เชลซี)
| 23(6) | Shots (on Goal) | 11(2) |
| 17 | Fouls | 14 |
| 7 | Corner Kicks | 4 |
| 3 | Offsides | 0 |
| 53% | Time of Possession | 47% |
| 2 | Yellow Cards | 4 |
| 0 | Red Cards | 0 |
| 1 | Saves | 3 |
ลิเวอร์พูล 4-1 เชลซี ,เอฟเอ คัพ เชลซี 2-1 ลิเวอร์พูล
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น