ผลบอล บาเยิร์น มิวนิค 1-1 เชลซี (Bayern Munich 1-1 Chelsea) นัดชิงชนะเลิศ 19/5/2012 ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก 2011/2012 (จุดโทษ 3-4)

ผลบอล บาเยิร์น มิวนิค 1-1 เชลซี (Bayern Munich 1-1 Chelsea) นัดชิงชนะเลิศ 19/5/2012 ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก 2011/2012 (จุดโทษ 3-4)












     บาร์เยิร์น มิวนิคเปิดสนาม ฟุตบอล อารีน่า มึนเช่นของตัวเองแพ้จุดโทษให้กับ เชลซี 3-4 หลังจากจบ 120 นาทีเสมอกันที่ 1-1
     เริ่มเกมส์เป็นฝ่ายเชลซี ได้เขี่ยลูกเล่นเกมส์ก่อนโดยเชลซีได้บุกจากซ้ายไปขวาของจอภาพ เปิดฉากกันไม่ทันไรใบเหลืองแรกก็มาแล้ว จากบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ในจังหวะที่ตั้งใจใช้มือสกัดบอล ตั้งแต่นาทีที่ 2 แต่เกมส์ช่วง 25 นาทีแรกเป็นทางด้านบาเยิร์น มิวนิคที่พับสนามบุกเชลซี อยู่ข้างเดียว ตัวจักรสำคัญในเกมส์บุกของบาเยิร์นทั้ง ฟร้องค์ ริเบรี่ อาเยน ร็อบเบน และมาริโอ โกเมซ ประสานงานกันได้อย่างดี รวมทั้งจังหวะที่อาเยน ร็อบเบน หลุดเข้าไปยิงติดเซฟด้วยขาของ ปีเตอร์เช็กแล้วบอลไปชนเสาออกไปแบบน่าได้ประตูสุดๆ โดยสถิติช่วง 25 นาทีเป็น บาเยิร์นที่ครองบอลได้มากกว่า 60% และได้เตะมุมไป 7 ครั้ง มีโอกาสยิงอีก 6 ครั้ง ส่วนทางด้านเชลซี ไม่มีได้มีโอกาสยิงและเตะมุมเลยแม้แต่ครั้งเดียว
     ผ่านไป 40 นาที รูปเกมส์ยังเป็นบาเยิร์น มิวนิคที่บุกกดดันเชลซีอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสยิงเพิ่มอีกหลายครั้งแต่ยังไม่เข้ากรอบมากนัก ทางด้านเชลซีทำได้แค่นานๆจะสวนกลับที และได้จังหวะฟรีคิก ฆวน มาต้าก็ยิงโด่งข้ามคานออกไป
     เกือบได้! ช่วง 5 นาทีสุดท้ายครึ่งแรก บาเยิร์น มิวนิคเกือบได้ประตูนำ จากจังหวะบุกขึ้นมาในกรอบเขตโทษและดาวิด ลุยซ์ ไปชนโทมัส มุนเลอร์ ล้มลงผู้ตัดสินปล่อยให้ได้เปรียบ แล้วบอลมาถึง มาริโอโกเมซได้ดึงจังหวะหลบแกรี่ เคฮิลล์ แล้วได้ซัดเต็มๆด้วยเท้าซ้ายแต่บอลหลุดข้ามคานไป
     เกมส์ครึ่งแรกทดเวลาบาดเจ็บแค่ 1 นาทีโดยที่ทั้งสองทีมก็ยังทำอะไรกันไม่ได้ จบครึ่งแรกสกอร์ยังเป็น บาเยิร์น มิวนิค 0-0 เชลซี โดยสถิติเป็น บาเยิร์น มิวนิค ครองบอล 60% เชลซี 40% ลูกเตะมุม บาเยิร์น 8 ครั้ง เชลซีไม่ได้เตะเลย โอกาสทำประตู บาร์เยิร์น 16(2)ครั้ง เชลซี 2(1) โดยเชลซีมีสถิติมากว่าตรงที่ ทำฟาวล์ 9 ครั้ง ส่วนบาเยิร์นฟาวล์ 4 ครั้ง
      เริ่มครึ่งหลัง บาเยิร์น มิวนิคเป้นฝ่ายเขี่ยลูกเล่นเกมส์ และเป็นฝ่ายบุกเข้าใสทันที จากการทำเกมส์ของฟร้องค์ ริเบรี่ แต่ดาวิด ลุยซ์ยังมาสกัดได้ทัน ตั้งแต่นาทีที่ 46 โดยช่วง 5 นาทีของครึ่งหลังบาเยิร์น มาได้เตะมุมเพิ่มแต่ยังทำอะไรไม่ได้ กองหลังเชลซียังเหนียวช่วยกันสกัดได้อย่างดี
     ยิงเข้าแต่ล้ำหน้า! นาทีที่ 53 เป็นจังหวะที่เชลซีบุกอยู่ดีๆแล้วโดน บาเยิร์นสวนกลับบอลมาถึงฟร้องค์ ริเบรี่ได้บุกขึ้มมาทางฝั่งซ้าย แล้วจ่ายเข้ากลางให้อาเยน ร็อบเบนได้ยิงไปติดกองหลังเชลซี บอลแฉลบไปถึงฟร้องค์ ริเบรี่ ยิงเข้าประตูไป แต่ผู้กำกับเส้นยกธงเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน
      ผ่านไป 60 นาทีรูปเกมส์ยังเหมือนเดิมเปะ เป็นบาเยิร์นบุก เชลซีนานๆสวนที ถึงตอนนี้ บาเยิร์นหาโอกาสยิงเป็นครั้งที่ 20 แล้ว เชลซีได้โอกาสไป 4 ครั้ง
     ถึงนาทีนี้ แฟนบอลเชลซีหายใจไม่ทั่วท้องเพราะเห็นแต่ภาพ บาเยิร์น มิวนิค บุกใสอยู่ตลอดเวย์ พอตัดบอลได้ก็บุกสวนกลับไม่ได้ถนัดนักเพราะผู้เล่นอยู่ในแดนตัวเองซะหมด แต่ในใจยังนึกว่าเกมส์เจอบาร์เซโลน่า โดนบุกยิ่งกว่านี้ยังชนะมาได้ หุหุ
     เชลซีเกือบได้เฮ จากจังหวะที่ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบาโชว์ความสามารถเฉพาะตัดบังบอลแล้วหลบกองหลัง บาเยิร์น เขามาในกรอบเขตโทษแล้วจ่ายเข้ากลางให้เพื่อนวิ่งมาจุดนัดพบ แต่กองหลังบาเยิร์นยังมาเคลียร์ออกหลังได้ทัน นาทีที่ 72
     เชลซีเปลี่ยนตัวคนแรก โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอแก้เกมส์โดยส่ง ฟลอร็องต์ มาลูด้าลงมาแทน ไรอัน เบอร์ทรานด์ที่ไม่มีส่วนร่วมในเกมส์มานัก ในนาทีที่ 73
     นำแล้ว!!! จากจังหวะบุกปรกติของบาเยิร์น มิวนิคบอลมาอยู่ที่ ดิเอโก้ คอนเทนโต้ตรงมุมกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายได้บรรจงเปิดบอลโค้ง มาให้โธมัส มุลเลอร์ ได้โหม่งกดลงพื้นบอลกระเด้งข้ามหัว ปีเตอร์ เช็กไปชนคานบนเข้าประตูไปนาทีที่ 83
     พอบาเยิร์นออกนำ เชลซีเปลี่ยนตัวคนที่ 2 โดยส่ง เฟร์นานโด ตอร์เรสลงมาแทน ซาโลมง กาลู ทางบาเยิร์นก็เปลี่ยนตัวปิดเกมส์โดยส่ง ดาเนียล ฟาน บุยเต็น ลงมาแทนคนทำประตูอย่าง โธมัส มุลเลอร์
     ตีเสมอได้แล้ว!!! จากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวาของ ฆวน มาต้าเป็นดิดิเย่ร์ ดร็อกบาที่โฉบหนีตัวประกบมาโหม่งแบบเต็มๆที่เสาแรกสุดปลายมือ มานูเอล นอยเออร์ เป็นประตูตีเสมอนาทีที่ 88
     ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาที ดิดิเย่ร์ ดร็อกบาได้ยิงฟรีคิก แต่ยิงข้ามคานออกไป จบเกมส์ นัดชิงยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ฤดูกาลนี้กลายเป็นหนังชีวิตไปซะแล้ว ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30นาที เพราะเกมส์ 90 นาทีจบลงที่ บาเยิร์น มิวนิค 1-1 เชลซี
ช่วงต่อเวลาพิเศษ 30 นาที
     จุดโทษไม่เข้า เริ่มเกมส์กลายเป็น เชลซีที่ทำเกมส์บุกเข้าใสก่อน แต่เชลซีมาเสีย จุดโทษจากจังหวะที่ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบาไปเข้าข้างหลังฟร้องค์ ริเบรี่ โดยไปเตะสกัดริเบรี่ ล้มลงในเขตโทษ เป็น อาเยน ร็อบเบนที่รับหน้าที่สังหารจุดโทษ ยิงด้วยเท้าซ้ายเต็มแรงแต่บอลไม่ห่างตัว ปีเต็อร์ เช็ก ยังพุ่งมาตะครุบบอลไว้ได้ ในนาทีที่ 93 ทำให้สกอร์ยังเป็น บาเยิร์น มิวนิค 1-1 เชลซี จนจบช่วงต่อเวลาครึ่งแรก แต่บาเยิร์น มิวนิคต้องเสีย ฟร้องค์ ริเบรี่จากอาการบาดเจ็บโดยเปลี่ยน อิวิก้า โอลิชลงมาแทน
     ช่วงต่อเวลา ครึ่งหลัง เป็นบาเยิร์น มิวนิคที่บุกได้น้ำได้เนื้อกว่าเชลซีและเกือบได้ประตูชัย จากจังหวะที่ อิวิก้า โอลิช รับบอลจากลูกเปิดเข้ามาก่อนจะจ่ายเข้ากลางให้เพื่อนแต่ ชาร์ทไม่ได้บอลห่างตัวไปผ่านหน้าประตูไปออกไป และยังได้จังหวะเตะมุมอีกหลายครั้งแต่ยังทำอะไรเพิ่มไม่ได้ จนจบเกมส์ บาเยิร์น มิวนิค 1-1 เชลซี ต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ

รายชื่อนนักเตะที่ยิงจุดโทษ บาเยิร์น มิวนิค 3-4 เชลซี

บาร์เยิร์น มิวนิค                     เชลซี
ฟิลลิปป์ ลาห์ม                 ฆวน มาต้า
มาริโอ โกเมซ                  ดาวิด ลุยซ์
มานูเอล นอยเออร์            แฟร้งค์ แลมพาร์ด
อิวิก้า โอลิช                     แอชลี่ย์ โคล
บัสเตียน ชไวน์ชไตเกอร์   ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา


ใบเหลือง ของ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ นาทีที่ 2
ใบเหลือง ของ แอชลี่ย์ โคล นาทีที่ 81
ประตู 1-0 จาก โธมัส มุลเลอร์ นาทีที่ 83
ใบเหลือง ของ ดาวิด ลุยซ์ นาทีที่ 86
ประตู 1-1 จาก ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา นาทีที่ 88
ใบเหลือง ของ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา นาทีที่ 93
ใบเหลือง ของ เฟร์นานโด ตอร์เรส นาทีที่ 120

รายชื่อนักเตะ บาเยิร์น มิวนิค 1-1 เชลซี (จุดโทษ 3-4)



Match Stats Bayern Munich 1-2 Chelsea บาเยิร์น มิวนิค 1-1 เชลซี (จุดโทษ 3-4)

43(7) Shots (on Goal) 9(3)
14 Fouls 26
20 Corner Kicks 1
1 Offsides 2
56% Time of Possession 44%
1 Yellow Cards 4
0 Red Cards 0
2 Saves

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น